การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน ( Esophagogastroduodenoscopy ) หมายถึงการส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารตั้งแต่ปาก ลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น โดยทั่วไปจะทำการส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนในผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี่
- โรคกระเพาะอาหาร หมายถึงภาวะที่มีอาการปวด จุก แน่น แสบหรือเสียดที่บริเวณลิ้นปี่ที่สันนิษฐานว่าจะมีสาเหตุจากกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ร่วมกับมีสัญญาณอันตรายดังต่อไปนี้
- อาเจียนมาก
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- กลืนลำบาก
- มีเลือดออกในทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำคล้ายยางมะตอย
- รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการกลับเป็นซ้ำบ่อยๆ
- ในกรณีที่มีความวิตกกังวลมากหรือผู้ป่วยร้องขอ
- โรคกรดไหลย้อน หมายถึงภาวะที่มีอาการแสบร้อนที่บริเวณหน้าอก อาจมีอาการเรอเปรี้ยวร่วมด้วย
- ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน เช่น อาเจียนเป็นเลือดสด ดำคล้ำ หรือมีถ่ายดำเหม็นคาว คล้ายยางมะตอยหรือคล้ายกาละแม
- ผู้ป่วยโรคตับแข็งทุกราย ควรได้รับการส่องกล้องตรวจเพื่อหาภาวะเส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร
ข้อควรปฏิบัติก่อนการส่องกล้องตรวจ
- งดน้ำงดอาหารทางปากเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- หากท่านมีโรคประจำตัวและรับประทานยาประจำอยู่ควรจะปรึกษาแพทย์ว่าควรจะหยุดยาก่อนหรือไม่
- ควรพาญาติมาด้วยทุกครั้งเพราะในบางกรณีท่านอาจได้รับยาที่ทำให้รู้สึกมึนงง
ขั้นตอนในการส่องกล้องตรวจ
- ท่านจะได้รับการพ่นยาชาเฉพาะที่ที่บริเวณโพรงคอด้านหลังประมาณ 3 ครั้งห่างกันครั้งละ 5 นาที หลังพ่นยาชาท่านจะมีความรู้สึกชาที่บริเวณโคนลิ้นและมีอาการกลืนน้ำลายลำบาก ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายเป็นปกติภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงหลังการส่องกล้องตรวจ
- เจ้าหน้าที่จะจัดท่าสำหรับการส่องกล้องตรวจโดยให้ท่านนอนตะแคงซ้ายคล้ายกับการกอดหมอนข้าง
- ส่องกล้องตรวจโดยปกติจะใช้เวลาในการส่องกล้องประมาณ 5-10 นาที ระหว่างที่ทำหัตถการท่านอาจมีความรู้สึกอึดอัดแน่นท้องซึ่งเป็นจากการเป่าลมเพื่อขยายกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้
- หลังส่องกล้องตรวจท่านสามารถรับประทานอาหารได้ถ้าอาการกลืนน้ำลายลำบากหายเป็นปกติแล้ว แนะนำว่าให้ลองดื่มน้ำเย็นก่อนถ้าไม่มีสำลักถึงเริ่มรับประทานอาหารได้ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มร้อนเพราะอาจเป็นอันตรายได้จากการที่ได้รับยาชาเฉพาะที่
- หลังส่องกล้องตรวจท่านสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้เป็นปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
- ในบางรายอาจรู้สึกอึดอัดแน่นท้องหลังการส่องกล้อง ซึ่งอาจเป็นจากการเป่าลมให้กระเพราะอาหารขยายขณะทำการส่องกล้องตรวจ
- เกิดอันตรายต่อ โพรงคอด้านหลัง หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น โดยอาจพบว่ามีการทะลุของอวัยวะดังกล่าว แต่พบได้น้อยมากประมาณ 0.03 % ในผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดฉุกเฉิน
- อาจเกิดการสำลักอาหาร น้ำลายหรือกรดในกระเพาะอาหารและเกิดภาวะปอดอักเสบตามมา
- พบภาวะเลือดออกผิดปกติ ซึ่งอาจพบหลังการตัดชิ้นเนื้อตรวจในผู้ป่วยบางราย
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonosopy) หมายถึงการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งหมด รวมถึงสำไส้เล็กส่วนปลาย บุคคลที่จะได้รับประโยชน์ในการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ มีดังนี้
- บุคคลที่มีความผิดปกติของระบบขับถ่าย เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ท้องเสียเรื้อรัง (ถ่ายเหลวผิดปกติมาเป็นเวลามากกว่า 4 สัปดาห์) ถ่ายมีมูกปนเลือด หรือมีอาการปวดเบ่งเหมือนถ่ายอุจจาระไม่สุดตลอดเวลา
- บุคคลที่ถ่ายเป็นเลือดสด
- บุคคลที่มีอาการปวดท้องเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
- บุคคลที่มีญาติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
- บุคคลทั่วไปที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ตรวจเพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
การเตรียมตัวก่อนการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
- ควรรับประทานอาหารอ่อน เช่นข้าวต้มหรือโจ๊ก และควรงดอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ เป็นเวลา 3 วัน ก่อนทำการส่องกล้องตรวจ
- งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดหลังเที่ยงคืนในคืนก่อนที่จะมาทำการส่องกล้องตรวจ
- แพทย์จะให้ท่านรับประทานยาระบายหนึ่งวันก่อนที่จะทำการส่องกล้องตรวจ เพื่อเตรียมลำไส้ใหญ่ให้สะอาด ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพราะหากลำไส้ใหญ่ไม่สะอาดการส่องกล้องตรวจจะทำไม่ได้
- หากท่านมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาใดเป็นประจำควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- กรุณาพาญาติมาด้วยทุกครั้ง เพราะการส่องกล้องตรวจจำเป็นต้องให้ยาระงับอาการปวดซึ่งอาจทำให้ท่านมีอาการมึนงงหลังการส่องกล้องตรวจได้
- ท่านสามารถกลับบ้านและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดให้กลับมาพบแพทย์
- หากท่านมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมได้
ภาวะแทรกซ้อน
- อาการอึดอัดไม่สบายท้องหลังการส่องกล้องตรวจ ซึ่งเป็นจากการเป่าลมเพื่อขยายลำไส้ใหญ่ระหว่างทำการส่องกล้องตรวจ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
- อาจพบภาวะลำไส้ใหญ่ทะลุ ซึ่งพบได้ประมาณ 0.5-1% ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดฉุกเฉิน
- ภาวะเลือดออก ส่วนมากพบในรายที่จำเป็นต้องได้รับการตัดชิ้นเนื้อ พบได้ประมาณ 1-2%
- ภาวะแพ้ยาแก้ปวดที่ให้ระหว่างการส่องกล้องตรวจ ผู้ป่วยอาจมีอาการหน้ามืด แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หัวใจเต้นช้าลงและมีความดันโลหิตต่ำได้