วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่คืออะไร
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยวัคซีนชนิดนี้ผลิตจากเชื้อไวรัสที่ตายแล้วและเป็นชนิดฉีด ผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานสูง อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นได้ แต่สามารถลดความรุนแรงของอาการเมื่อติดเชื้อได้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือ ก่อนฤดูฝน (พฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (ตุลาคม)
ความจำเป็นในการฉีดวัคซีนซ้ำ
เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี แนะนำให้ฉีด 2 เข็มในปีแรก โดยเว้นระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สองอย่างน้อย 4 สัปดาห์
7 กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีน
-
สตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
-
เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
-
ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย มะเร็ง และเบาหวาน
-
ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
-
ผู้พิการทางสมองที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้
-
ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 หรือมีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม
-
ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการฉีดวัคซีน
-
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน
-
ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่ เนื่องจากวัคซีนผลิตในไข่ไก่
-
ผู้ที่เคยมีอาการแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง
-
ผู้ที่กำลังป่วยหรือมีไข้ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวกำเริบและควบคุมไม่ได้
ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
การฉีดวัคซีนช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนและลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ หลังฉีดวัคซีน ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกัน และภูมิคุ้มกันนี้จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ดังนั้น การฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่