
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมาก 1 ใน 3 อันดับแรกของมะเร็งในผู้ หญิงไทย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง [ high risk HPV ] โดยประมาณ ร้อยละ 70 เกิดจากเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ 18
ร้อยละ 80 ของผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี จะหายเองได้ ภายในระยะ เวลา 2 ปี แต่ในกรณีที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ชนิดความเสี่ยงสูง และติดเชื้อ ฝังแน่นแบบเนิ่นนาน จะทํา ให้เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติ และอาจกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต จึงมีการแนะนํา ให้ตรวจภายใน และคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจํา เพื่อลดโอกาสเสี่ยง
เมื่อไหร่ที่ควรจะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
-
อายุน้อยกว่า 25 ปี
- แนะนํา ให้ตรวจคัดกรองในผู้หญิงที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์แล้วรวมถึงในรายที่มีประวัติความเสี่ยงสูง เช่น ติดเชื้อเอชไอวี มีคู่นอนหลายคน เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
-
อายุ 25-65 ปี
- เริ่มตรวจคัดกรองได้ตั้งตั้แต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เมื่อมีประวัติมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือเริ่มตรวจคัดกรองเมื่อมีอายุ 30 ปี หากยังไม่มีเพศสัมพันธ์
-
อายุมากกว่า 65 ปี
- สามารถหยุดตรวจคัดกรองได้ถ้าผลตรวจคัดกรองก่อนหน้านี้ปกติ ติดต่อกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่สําหรับผู้ที่ยังคงมีเพศสัมพันธ์ หรือมีคู่นอน หลายคนก็ยังควรตรวจคัดกรองต่อไปตามปกติ
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบัน มีดังนี้
-
การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี [ primary HPV testing ]
- เป็นการตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก เพื่อระบุสายพันธุ์จําเพาะของเชื้อ high risk HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18
-
การตรวจเซลล์วิทยาของปากมดลูก [ cervical cytology ]
- เป็นการตรวจเซลล์ปากมดลูกโดยตรง มีสองแบบ คือ แบบดั้งดั้เดิม conventional papsmear และการตรวจแบบละเอียด thin prep or liquid based cytology
สําหรับแนวทางการตรวจคัดกรอง ที่เหมาะสมมีดังนี้
-
primary HPV testing
-
CO testing [ HPV + liquid based cytology ]
-
conventional papsmear หรือ liquid based cytology อย่างเดียว
วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจภายในและคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
1.ทําความสะอาดบริเวณช่องคลอด
ควรทํา ความสะอาดบริเวณช่องคลอดด้วยการล้างด้วยสบู่แบบธรรมดาที่มี ความอ่อนโยนต่อผิว โดยล้างแค่ภายนอกเท่านั้นนั้ ไม่ต้องสวนล้างข้างใน ที่สําคัญไม่ต้องทาแป้งหรือฉีดสเปรย์เพื่อดับกลิ่น แค่ล้างทํา ความสะอาด และเช็ดให้แห้งตามปกติก็พอ
2.สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย
แนะนํา ให้ใส่กระโปรง และไม่ควรนุ่งกางเกงที่รัดจนเกินไป เพราะขั้นตอนการตรวจภายในจะต้องถอดกางเกงออกก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการ ตรวจ ดังนั้นจึงควรใส่กางเกงหลวมๆ ที่สามารถถอดได้ง่าย หรือจะใส่กระโปรงแทนก็ได้ เพราะจะช่วยให้การตรวจเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
3.หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงช่วงมีประจําเดือน
เพราะโดยปกติ แพทย์จะไม่ตรวจภายในช่วงที่มีประจําเดือนเพราะเป็นช่วงที่มดลูกอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นหากคิดจะตรวจภายในควรเลี่ยงให้พ้นช่วงมีรอบเดือนไปก่อนดีกว่า หรือให้ประจําเดือนหมดแล้วอย่างน้อย 7 วัน ขึ้นไป แต่หากมีความจําเป็นเช่นมีปัญหาเลือดออกผิดปกติหรือปวดหน่วงท้องมากระหว่างเป็นประจําเดือนและอยากตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุก็สามารถมาพบแพทย์โดยไม่ต้องรอให้ประจําเดือนหยุดก่อน
4.ไม่ควรโกนขนก่อนมาตรวจ
เนื่องจากโรคบางโรคจะต้องวินิจฉัยโดยดูลักษณะของขนบริเวณอวัยวะเพศด้วยหากโกนขนออกจึงทําให้วินิจฉัยได้ลําบาก นอกจากนี้การโกนขนก็จะทําให้อวัยวะเพศบอบบางลงกว่าเดิมและอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายเช่นกัน
5.งดมีเพศสัมพันธ์
ก่อนตรวจภายใน ควรงดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อให้การ ตรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และผลตรวจวินิจฉัยไม่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
6.งดสวนล้างช่องคลอด
ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดก่อนไปตรวจภายใน เพราะการสวนล้างอาจ ทํา ให้ส่วนที่เป็นสาเหตุของโรคถูกชําระล้างออกไปด้วย ทําให้แพทย์ไม่ สามารถตรวจวินิจฉัยได้หรือตรวจไม่พบ นอกจากนี้การสวนล้างก็อาจทําให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายและเป็นการทําลายแบคทีเรียชนิดดีออกไป อีกด้วย
7. สําหรับผู้ที่มีปัญหาตกขาวผิดปกติ
ไม่แนะนํา ให้สอดยาเพื่อรักษาก่อนมาตรวจภายใน และสามารถมาตรวจ ได้โดยไม่ต้องพยายามชําระล้าง เพื่อให้แพทย์เห็นลักษณะผิดปกติ และ สามารถตรวจหาเชื้อโรคได้
8.ไม่จําเป็นต้องงดอาหารและน้ำ
ก่อนเข้ารับการตรวจสามารถรับประทานอาหารและน้ํา ได้ตามปกติ โดยที่ ผู้เข้ารับการตรวจ ไม่จํา เป็นต้องงดอาหาร และน้ํา หรือหลีกเลี่ยงอาหาร บางประเภท เพราะไม่มีผลในการตรวจภายใน
9.ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อน
เพื่อจะได้ไม่รู้สึกปวดปัสสาวะขณะตรวจภายใน
10.หากไม่เคยตรวจภายใน
และยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และรู้สึกเขินอาย สามารถแจ้งพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจโดยแพทย์ผู้หญิงได้ โดยทั่วไปแล้วหากเป็นแพทย์ผู้ชายก็จะมีพยาบาลผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้หญิง ภายในห้องตรวจด้วย ทั้งนี้จะใช้เวลาตรวจภายในประมาณ 10-15 นาที หลังจากแพทย์จะทําการซักถามประวัติและอาการของคนไข้เรียบร้อยแล้ว หากรู้สึกสงสัยสามารถสอบถามได้ทันที เพื่อความสบายใจ ทั้งนี้ความถี่ของการตรวจคัดกรองอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และความเสี่ยง เช่นควรตรวจคัดกรองทุกปี ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของ โรคมะเร็งปากมดลูกสูง หรือในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายได้ที่
แผนกสุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น
โทร. 043-042787
พญ.อุทุมพร ภูนุชอภัย
ชำนาญพิเศษ: สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา (Obstetrics and Gynecology)
เฉพาะทาง: มะเร็งวิทยานรีเวช (Gynecologic Oncology)