โรคทางนรีเวชที่เกิดขึ้นในสตรีโดยส่วนใหญ่ ในที่นี้จะกล่าวถึงโรคทางนรีเวชที่ไม่ใช่มะเร็ง มักจะมีอาการผิดปกติดังนี้ ประจำเดือนมาผิดปกติ คลำก้อนได้ที่ท้องน้อย ปัสสาวะบ่อย ปวดประจำเดือนหรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดหน่วงลงทวารหนัก ปวดหน่วงท้องน้อยฉับพลัน ท้องผูก เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น อาการที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะเป็นอาการของโรค 3 โรคดังต่อไปนี้
1. เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri, Uterine fibroid)
เนื้องอกมดลูกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในสตรีวัยเจริญพันธุ์ และพบบ่อยในช่วงอายุ 30-50 ปี โดยพบเป็นร้อยละ 25 หมายความว่า ในสตรี 100 คนจะพบว่าเป็นเนื้องอกมดลูก 25 คน หรือ 4 ต่อ 1 และยังพบได้ในผู้ป่วยที่มีประวัติครอบครัวเป็นเนื้องอกมดลูก และคนไข้ที่มีน้ำหนักตัวมาก การรับประทานเนื้อการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงการเป็นเนื้องอกมดลูก เป็นต้น โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้ มีโอกาสที่เนื้องอกจะกลายไปเป็นมะเร็งได้ไม่เกินร้อยละ 1 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะจะไม่มีอาการใดๆ ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย ก้อนเนื้องอกสามารถกดเบียดอวัยวะข้างเคียงได้ เช่น กดเบียดกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ท้องผูก หรือถ้าเนื้องอกอยู่ในโพรงมดลูก ก็จะทำให้มีประมาณเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ มีลิ่มเลือดปน บางรายเลือดออกมากจนซีดทำให้ซีดต้องให้เลือด และอาจเป็นสาเหตุทำให้มีบุตรยากได้อีกด้วย
2. ถุงน้ำรังไข่ (Ovarian Cyst)
ปกติผู้หญิงจะมี รังไข่ 2 ข้าง คือข้างซ้ายและขวา ปกติรังไข่จะทำหน้าสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งหญิงไทยโดยเฉลี่ยรังไข่จะหยุดทำงานที่ 50-51 ปี หลังจากนั้นจะเข้าสู่ภาวะวัยทอง ถุงน้ำรังไข่ (ในกลุ่มที่ไม่ใช่มะเร็ง) แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
- ถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของ ฮอร์โมนเพศหญิงเอง (Functional Cyst) เช่น Follicular cyst, Corpus luteal cyst เป็นต้น ปกติถุงน้ำในกลุ่มนี้สามารถยุบหายไปเองได้
- ถุงน้ำที่มีพยาธิสภาพ (Pathological Cyst) โอกาสยุบหายไปได้เองน้อยมาก ที่พบได้บ่อย เช่น ถุงน้ำช็อคโกแลต (Chocolate Cyst), เนื้องอกรังไข่ที่ไม่ใช่มะเร็ง (Dermoid Cyst) เป็นต้น
ส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่มีถุงน้ำ อาจจะไม่มีอาการใดๆเลย ไปจนถึงมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน อาจจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหน่วงท้องน้อยรุนแรงเฉียบพลัน ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการบิดขั้ว, เลือดออกในก้อน, แตก, หรือ ติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน ได้ ดังนั้นการตรวจร่างกายตรวจอัลตราซาวด์ประจำปีจึงเป็นอีกทางเลือกในการตรวจคัดกรอง ทำให้ทราบและสามารถวางแผนการรักษาได้ก่อนที่ถุงน้ำนั้นจะเกิดภาวะแทรกซ้อน
3. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
คือภาวะที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกฝังตัวอยู่ผิดที่ แทนที่จะอยู่ในโพรงลูก แต่สามารถไหลย้อนเข้าไปในช่องท้อง และไปฝังอยู่ในอวัยวะต่างๆได้ เช่น ฝังที่รังไข่ทำให้เกิดถุงน้ำช็อคโกแลต (Chocolate Cyst) ได้ ฝังที่กล้ามเนื้อมดลูกได้ทำให้เกิดภาวะมดลูกโต (Adenomyosis) ได้ ถ้าฝังที่ผนังลำไส้ อาจทำให้ปวดร้างลงไปบริเวณทวารหนัก บางรายทำให้อุจจาระเป็นเลือด อีกทั้งยังสามารถ ฝังที่เยื่อบุช่องท้อง กระเพาะปัสสาวะได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการปวดประจำเดือนเรื้อรัง ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ และทำให้มีบุตรยากได้
การรักษาในแต่ละโรคนั้น ขึ้นกับ อายุ ความรุนแรงของโรค และความต้องการในการมีบุตร เนื่องจากอาการของผู้ป่วย ใน 3 กลุ่มโรค มีตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงมีอาการรุนแรง ดังนั้นการตรวจร่างกายตรวจอัลตราซาวด์ประจำปีจึงเป็นอีกทางเลือกในการตรวจคัดกรอง ทำให้ทราบและสามารถวางแผนการรักษาได้ก่อนจะเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งการรักษามีตั้งแต่การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดไปจนถึง การผ่าตัด ซึ่งประกอบไปด้วยการผ่าตัดเปิดทั่วไปและการผ่าตัดผ่านกล้อง
ในปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช เป็นการผ่าตัดที่ลุกล้ำน้อย (Minimally Invasive Surgery) โดยหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการดมยาสลบแล้ว แพทย์ผู้เชียวชาญจะทำการผ่าตัดโดยการเปิดแผลขนาดเล็ก 1-4 แผล แผลละ 0.5-1 ซม. ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด หลังจากนั้นจะใช้กล้องและเครื่องมือเข้าไปผ่าตัดอวัยวะในช่องท้องเช่น มดลูก ถุงน้ำรังไข่ ท่อนำไข่ โดยภาพจะปรากฏบนหน้าจอทีวี เนื่องจากภาพที่เห็นจากการผ่าตัดผ่านกล้องเป็นภาพขยาย ทำให้การผ่าตัดผ่านกล้องเป็นการผ่าตัดที่แม่นยำและมีความปลอดภัยสูงมาก
รพ.กรุงเทพขอนแก่น เปิดบริการการผ่าตัดโดยใช้เทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้อง 3 มิติ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้แพทย์เห็นรายละเอียดเชิงลึกได้ชัดเจน สามารถกะระยะได้ตรงจุด เสมือนเข้าไปผ่าตัดอยู่ในท้องของคนไข้ ช่วยให้การผ่าตัดมีความปลอดภัย และรวดเร็ว แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ลดการบาดเจ็บ สามารถฟื้นตัวได้เร็ว และหมดปัญหาแผลที่หน้าท้องยาวไม่สวยงาม และบรรยากาศใหม่ของห้องผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช Hi-dep มีประสิทธิภาพสูงให้ภาพคมชัดมากขึ้น โอกาสในการติดเชื้อและเสียเลือดน้อยกว่า